วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แหล่งเรียนรู้สำคัญตำบลป่าคา

แหล่งเรียนรู้ตำบลป่าคา





วิถีชีวิตชาวไทยลื้อ บ้านหนองบัว
บริเวณวัดหนองบัว หมู่ที่ 5 ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน
บ้านหนองบัวเริ่มก่อตั้ง เมื่อ พ.ศ.2365 หรือประมาณ 150 ปี สืบเชื้อสายไทลื้อมาจากแคว้นสิบสองปันนา มณฑณยูนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน อพยพมาแยกเป็น 2 พวก พวกที่ 1 ไปอยู่บ้านล้าหลวง อ.เชียงคำ จ.พะเยา พวกที่ 2 มาอยู่บ้านหนองบัว โดยการนำของเจ้าหลวงเมืองหล้าผู้กล้าหาญ และได้แผ่ขายเครือญาติไปยัง บ้านต้นฮ่าง ต.ป่าคา และบ้านดอนมูล ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา และได้ตั้งหลักแหล่งในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมกับรักษาไว้ซึ่งขนมธรรมเนียมประเพณีจนถึงปัจจุบัน




ผ้าทอลายน้ำไหล
ผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อเริ่มทอกันครั้งแรกที่บ้านหนองบัว อ.ท่าวังผา จ.น่าน เป็นศิลปะการทอผ้าด้วยมือ สาเหตุที่เรียกผ้าทอลายน้ำไหล เพราะลวดลายที่อออกมามีลักษณะเหมือนลายน้ำไหล จึงเรียกว่าผ้าลายน้ำไหล แต่ปัจจุบันได้คิดพลิกแพลงลวดลายต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย และได้ขยายพื้นที่การทอผ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ยังคงเรียกชื่อเดิมว่าผ้าลายน้ำไหล ผ้าทอลายน้ำไหลจังหวัดน่าน ปัจจุบันมีการทอลวดลายต่างๆ มากมาย เช่น ลายน้ำไหล มีลักษณะเป็นคลื่นเหมือนขั้นบันไดมองดูเหมือนสายน้ำกำลังไหลเป็นทางยาว นับว่าเป็นลายต้นแบบ และดั้งเดิม จึงเรียกลายน้ำไหล นอกจากนี้ ลายจรวด เป็นการเพิ่มหยักในลายน้ำไหลเป็นลายที่มีลักษณะคล้ายจรวดกำลังพุ่ง หรือตอปิโด ลายดอกไม้หรือลายแมงมุม เมื่อนำผ้าลายน้ำไหลมาต่อกันมีจุดช่องว่างตรงกลางเติมเส้นลายขาเล็กๆ แยกออกรอบตัว มองดูคล้ายดอกไม้หรือแมงมุม เรียกว่าลายดอกไม้หรือ ลายแมงมุม ลายปลาหมึก มีลักษณะลวดลายคล้ายแมงมุม แต่ทิ้งหางยาวกว่าลายแมงมุม



วัดหนองบัว



อยู่ในหมู่บ้าหนองบัวเป็นวัดเก่าแก่ตามชุมชนภายในวิหารวัดหนองบัวมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามด้วยเอกลักษณ์ ซึ่งแตกต่างไปจากวัดอื่น ๆ ตามประวัติกล่าวกล่าวว่าภาพเหล่านี้เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือชาวไทลื้อเมืองน่านที่มีคุณค่าทางศิลป์ และความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาหนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่าน



สาหร่ายปรุงรส ตราสายใยบัว
ไก....เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียว สกุล Cladophora ชื่อพื้นเมืองมีหลายชื่อ ได้แก่ ไกเหนียว ไกค้าง . ไกเปื้อย ,ไกต๊ะ , สาหร่ายไคร่ , ไกค่าวเตา มีสีเขียวเข้ม ลักษณะยาวไม่แตกแขนง เนื้อฟู ความยาวประมาณ 2 เมตร พบทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะแถบแม่น้ำน่าน ในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และ แม่น้ำโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งพบในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูร้อน เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปี ทางคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตน่าน ได้นำไปทดลองวิจัย ซึ่งพบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยให้โปรตีนสูงกว่าเนื้อปลา มีวิตามิน และเกลือแร่ 18 ชนิด อีกทั้งมีสารต้านมะเร็งและกากใยอาหารสูง 





แหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลาดอนแก้ว
เมื่อ พ.ศ. 2531 มีการขยายหรือเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็ว และมีอัตราการบริโภคอาหารจากแหล่งธรรมชาติในปริมาณที่มาก ประชาชนส่วนหนึ่งมีการหาปลาโดยการใช้สารพิษใช้วัตถุระเบิด และกระทำทุกวิถีทางที่จะได้ปลามาบริโภคหรือจำหน่าย ทำให้ปลาในแม่น้ำน่าน แม่น้ำสาขาน้อยใหญ่ มีปริมาณปลาลดลงจำนวนมาก ปลาบางชนิดสูญพันธุ์ไปแล้ว จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้เกิดแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหา การมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านดอนแก้ว เริ่มทำการอนุรักษ์พันธุ์ปลา
          พ่อสมาน ค่ายอาจเป็นบุคคลหนึ่งที่ร่วมอุดมการณ์ในการรณรงค์ เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำและแม่น้ำน่าน โดยเริ่มต้นที่ บ้านดอนแก้วเป็นแห่งแรกของจังหวัดน่าน มีผู้ร่วมอุดมการณ์เป็นผู้อาวุโส ผู้นำหมู่บ้าน พระสงฆ์ หน่วยงานราชการในท้องถิ่น ครูและชาวบ้านดอนแก้วโดยการจัดตั้งเขตอภัยทานอนุรักษ์พันธุ์ปลาบ้านดอนแก้วขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 กำหนดเขตหน้าวัดดอนแก้ว เป็นเขตอภัยทาน มีระยะทาง 120 เมตร โดยชาวบ้านจะนำเศษอาหารจากชาวบ้านและข้าวก้นบาตรพระมาให้ปลากิน และได้กำหนดกฎ ระเบียบการอนุรักษ์ปลา หากมีคนละเมิดสิทธิ์จับปลาในเขต






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น